Friday, 24 March 2023

การระบาดโควิดระลอกใหม่น่ากังวลแค่ไหน

โควิด 19 ถึงแม้ว่าโควิด-19 จะถูกประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม รวมทั้งปรับให้เป็นโรคติดต่อที่จำต้องเฝ้าระวัง แต่ว่าดูเหมือนกับว่าสถานการณ์การระบาดกลับน่าห่วงขึ้นมาอีกรอบนับจากปลายเดือน เดือนพฤศจิกายน ก่อนหน้านี้ ช่วงนี้ ผู้เสียชีวิตเฉลี่ยรายวัน เพิ่มเป็น 15 คนแล้ว

ข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าที่ผ่านมา กล่าวว่า เหตุการณ์โรคโควิด-19 เมืองไทยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และมีคนเสียชีวิตเฉลี่ยยังเพิ่มสูง โดยผู้ตายทุกรายยังอยู่ในกลุ่ม 608 รวมทั้งเกือบทั้งหมดไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกินกว่า 3 เดือนแล้ว

อย่างไรก็ดี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยออกมาว่า เหตุการณ์ดูเหมือนจะเริ่มชะลอตัวลง และก็ระบบสาธารณสุขยังรองรับได้

ฐานข้อมูลย้อนหลังของกระทรวงสาธารณสุขนับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 46 (13-19 เดือนพฤศจิกายน) ตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉลี่ยทยอยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า จาก 452 คน เป็น 565 คน ช่วงเวลาที่ยอดผู้ตายเฉลี่ยก็เพิ่มจาก 6 คน เป็น 9 คน

ในสัปดาห์ที่ 47 (20-26 พ.ย.) ผู้ติดเชื้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 702 คน และสัปดาห์ที่ 48 (27 พ.ย.-3 ธ.ค.) ปรับลดลงเป็น 612 คน และสัปดาห์ล่าสุด (4-10 ธ.ค.) ลดลงมาเป็น 566 คน

แต่ในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นชัดเจน นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 46 จาก 9 คน เพิ่มขึ้นเป็น 10 คน และ 15 คน ตามลำดับ จนตัวเลขชะลอตัวในสัปดาห์ล่าสุดยังคงอยู่ที่ตัวเลขเฉลี่ย 15 คน

โควิด 19 โควิดสายพันธุ์อินเดีย

โควิด 19 สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร

แพทย์ชื่อดังหลายคนได้มีความคิดเห็นต่อเหตุการณ์การระบาดในตอนนี้ว่า ยังคงน่าจับตาเนื่องมาจากยังมีความไม่แน่นอน ช่วงเวลาเดียวกันยังใกล้กับช่วงเทศกาลที่มีคนเดินทางและจัดงานคึกคัก ซึ่งบางครั้งก็อาจจะเป็นเหตุให้การระบาดเพิ่มสูงขึ้นอีก

รองศาสตราจารย์นพ. ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์เฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์โควิด-19 โดยประเมินว่า ขณะนี้ เหตุการณ์นับว่า “พีคสูงขึ้นยิ่งกว่าระลอกสามในปีที่แล้วของอัลฟาและเดลตา รวมทั้ง… พีคใกล้เคียงกับระลอกช่วงครึ่งปีแรก โดยเหตุนั้น จึงย้ำเสมอว่าไม่ใช่เวฟเล็ก รอบกายมีการติดกันรัว”

นอกจากนี้ รศ.นพ. ธีระ ยังมีความคิดเห็นว่า ยังนับว่าตอบได้ยาก ว่าความผันผวนจะทวีความรุนแรงมากกว่าตอนนี้หรือเปล่า และจะลงช้าเร็วเพียงใด จากการใช้ชีวิตเสรีในหน้าเทศกาล ถ้าหากไม่ป้องกันภัย

เหตุการณ์โควิด “ศึก” นี้ จะไม่จบสิ้นไปกว่าค่าเฉลี่ยทั้งโลก แล้วก็มีโอกาสยืดไปกระทั่งเกิดปะทุตอกย้ำซ้ำเติมจากสายพันธุ์ย่อยอื่นๆได้แก่ BQ.1.1, XBB, CH.1.1 ได้ ก็จะมีผลให้คล้ายกับระลอกสามที่อัลฟานำมาก่อน รวมทั้งยังไม่ทันลงก็มีเดลตาเข้ามาซ้ำ

การตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ และช่วยกันป้องกันตัวจึงสำคัญมาก

จับตาสายพันธุ์ใหม่จากอินเดีย

ท่ามกลางความรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจของการระบาดในระลอกปัจจุบัน มีการตักเตือนจากนายแพทย์จากโรงพยาบาลวิชัยยุทธถึงความเป็นไปได้ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จากอินเดียจะเข้ามาระบาดในไทย เช่นเดียวกันกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิ้นปี 2563 ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งเจอคราวแรกในประเทศอินเดีย รวมทั้งแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทันใจและก็เกิดการระบาดใหญ่ทั่วทั้งโลก รวมทั้งในไทยเมื่อกลางปี พ.ศ.2564

นพ. มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องห้องดูแลผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ คนเจ็บหนัก แล้วก็โรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เนื้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ประเทศไทยต้องจับตาเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศอินเดีย เนื่องจากว่าหลายคราที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ในประเทศประเทศอินเดีย หลังแล้วหลังจากนั้นอีกไม่นานก็เจอการแพร่ระบาดของเชื้อสายประเภทนั้นในประเทศไทย

โควิด 19 วัคซีนตัวใหม่

สำหรับเชื้อไวรัสตัวล่าสุดที่จำต้องจับตา คือ เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ XBB

ซึ่งเป็นลูกผสมของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.10.1 กับ BA.2.75 โดยมั่นใจว่าอีกไม่นาน ก็จะแทนที่สายพันธุ์ BA.2.75 ในประเทศประเทศอินเดีย

“ประเทศไทยเตรียมตัวได้เลยว่า หลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.75 อีกไม่นานก็จะมีสายพันธุ์ XBB แพร่ระบาดเหมือนประเทศอินเดีย” เพราะสายพันธุ์ใหม่นี้ติดต่อกันง่ายกว่าสายพันธุ์เดิม และหลบหลีกภูมิคุ้มกันไม่ว่าจากการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อธรรมชาติได้ดีกว่าสายพันธุ์เดิม

นพ. มนูญ ยังระบุอีกว่า ปัจจุบันเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ใช้เวลาสั้นกว่าเดิม เพียง 3-4 เดือน ก็เข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดิม และทำให้เกิดการระบาดใหญ่ระลอกใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปทั้งโลก

อย่างไรก็ตาม ไวรัส โควิด สายพันธุ์ ใหม่ ๆ ไม่ ได้ ทำให้ คนป่วยหนักแล้วก็เสียชีวิตเสมือนสายพันธุ์เดลตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่ได้รับวัคซีน 4 เข็ม คือได้วัคซีนครบ 2 โดสแล้วก็ตามด้วยเข็มกระตุ้นอีก 2 เข็ม

ต้องฉีดยาอย่างไร วัคซีนแบบใหม่ต้องรอนานแค่ไหน

แม้ว่าสัญญาณการระบาดในปัจจุบันจะเริ่มชะลอตัว แต่ว่าการฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันยังมีความสำคัญ เนื่องจากว่าจะสามารถช่วยป้องกันอาการป่วยหนักแล้วก็ลดโอกาสการสูญเสีย

จาก ข้อมูล ของ กรม ควบคุม โรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ประชาชน ควรจะ ได้ รับ วัคซีน อย่าง น้อย 4 เข็ม ส่วน เข็ม ถัดไปควร ฉีด ห่าง กัน ราว 4 เดือน และก็ส่วนวัคซีนรุ่นใหม่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา

ด้าน ศาสตราจารย์ นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กช่วงวันที่ 9 ธันวาคม เกี่ยวกับ ความสามารถของวัคซีนรุ่นใหม่โดยอ้างประกาศของศูนย์ป้องกันแล้วก็ควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี (CDC) เกี่ยวกับสมรรถนะในการใช้จริงหนแรก (real world effectiveness data) ของวัคซีนรุ่นใหม่ bivalent mRNA (14 กันยายน- 11 เดือนพฤศจิกายน) และรายงานจากวารสาร Nature Medicine เมื่อ 6 เดือนธันวาคม และนิตยสาร Lancet Infectious Disease และก็ Lancet Microbe ประจำเดือน ธันวาคม ว่า ภูมิต้านทานหรือแอนติบอดีในเลือดไม่เป็นผลต่อเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.75.2., BQ.1., XBB.1 รวมทั้งสายย่อยอื่นๆซึ่งแสดงว่าป้องกันการได้รับเชื้อไม่ได้

ที่ผ่านมา CDC รวมทั้ง ที่ทำการคณะกรรมการของกินและยา (FDA) ได้ประกาศแล้วว่าแอนติบอดีที่ใช้เพื่อสำหรับในการรักษารวมทั้งป้องกัน รวมถึง evusheld (แอนติบอดีสำเร็จรูปหรือภูมิต้านทานสำเร็จรูปเพื่อป้องกันการรับเชื้อโควิด-19) ใช้ไม่ได้กับสายพันธุ์ย่อยใหม่เหล่านี้ ที่เข้ามาแทนที่ตัวเก่า

อย่างไรก็ตาม นพ. ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า กรมควบคุมโรค อยู่ระหว่างการขอคำแนะนำกับคณะผู้ที่มีความเชี่ยวชาญถึงเรื่องประสิทธิผลของวัคซีนรุ่นใหม่ หรือวัคซีน 2 สายพันธุ์ ซึ่งถ้าหากพบว่าผลการค้นคว้าสามารถป้องกันการรับเชื้อโควิด 19 อย่างชัดเจน ก็จะเร่งจัดการจัดหามาให้บริการประชาชนในปีหน้า